ข้อดีของมันก็คือ เราดูง่าย เข้าใจวิธีการทำงานได้อย่างง่าย (ถ้าหากรู้เรื่องรูปสัญลักษณ์) เมื่อมีความผิดพลาด เราเองนั้น ก็จะกลับมาดูว่า ขั้นตอนไหนทำงานผิดพลาดไม่ตรงกับที่เราวางแผนไหม (การทำงานเราต้องวางแผนสิ ไม่วางแผน เจ๊งครับ)
เรามาทำความเข้าใจกับสัญลักษณ์กันก่อนดีกว่า
Terminal - สัญลักษณ์จุดเริ่มต้น และสิ้นสุด
Read - สัญลักษณ์อ่านค่าตั้งค่าต่าง ๆ
Display - แสดงผลออกทางหน้าจอ
Decision - สัญลักษณ์ตัดสินใจ
Process - สัญลักษณ์การทำงาน
Arrow - สัญลักษณ์เส้นทิศทางการไหลของกระบวนการ
Manual Input - สัญลักษณ์การนำเข้าข้อมูลด้วยตัวผู้ใช้
Connector (inner) - สัญลักษณ์แสดงจุดเชื่อมต่อภายใน
Connector (outer) - สัญลักษณ์แสดงจุดเชื่อมต่อภายนอก
Manual Input - สัญลักษณ์การนำเข้าข้อมูลด้วยตัวผู้ใช้
Connector (inner) - สัญลักษณ์แสดงจุดเชื่อมต่อภายใน
Connector (outer) - สัญลักษณ์แสดงจุดเชื่อมต่อภายนอก
จากสัญลักษณ์เบื้องต้นที่กล่าวมานั้น เราก็จะเอามาเขียนกันเป็น Flow Chart ที่แสดงการทำงานจาก Entry ที่แล้วนั่นก็คือวิธีการเดินทางไปโรงเรียนนั่นเอง
1. เดินออกจากบ้าน
2. รอรถเพื่อไปโรงเรียน
2.1 ถ้ามีเงินเยอะ ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
2.2 ถ้ามีเงินน้อย
2.2.1 ถ้ารถสาย 95 ผ่านมา ถ้าขึ้นรถไปแล้วถึงโรงเรียน ขึ้น
2.3.1 ถ้ารถสาย 26 ผ่านมา ถ้าขึ้นรถไปแล้วไม่ถึงโรงเรียน ไม่ขึ้น
3. รอถึงที่ ถ้าหากถึงที่แล้ว ก็ลงจากรถ
4. เข้าโรงเรียน
2. รอรถเพื่อไปโรงเรียน
2.1 ถ้ามีเงินเยอะ ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
2.2 ถ้ามีเงินน้อย
2.2.1 ถ้ารถสาย 95 ผ่านมา ถ้าขึ้นรถไปแล้วถึงโรงเรียน ขึ้น
2.3.1 ถ้ารถสาย 26 ผ่านมา ถ้าขึ้นรถไปแล้วไม่ถึงโรงเรียน ไม่ขึ้น
3. รอถึงที่ ถ้าหากถึงที่แล้ว ก็ลงจากรถ
4. เข้าโรงเรียน
เราก็จะเอามาเขียน Flow Chart คร่าว ๆ ได้ดังนี้
จากตัวอย่างเบื้องต้นนี้ เป็นเพียงแค่คร่าว ๆ สำหรับการแก้ปัญหากระบวนการทำงานของชีวิตประจำวันเท่านั้นเอง การเขียนโปรแกรมก็เช่นเดียวกันครับ ต้องคิดกันบ่อย ๆ แล้วจะเข้าใจกันเองว่าอะไรทำก่อนหลัง ลำดับความคิดให้ดีครับ ไม่เช่นนั้น ชีวิตเราก็สับสน แม้แต่การเขียนโปรแกรมนั้นก็เช่นกัน
ขอจบ Entry Flow Chart ไว้ก่อนครับ สวัสดีครับ